Snap: การเมืองเคล้าความทรงจำในเรื่องรัก

Snap (คงเดช จาตุรันต์รัศมี/ ไทย/ 2015)

CQEg567UwAACtbk

ในปี 2555 เรามอบให้ แต่เพียงผู้เดียว คือหนังไทยอันดับหนึ่งประจำปี และในปีถัดไป ตั้งวง ก็ได้ตำแหน่งเดียวกัน ผ่านมาอีกสองปีดูท่าว่ามันจะเป็นเช่นนั้นอีกกับหนังเรื่องนี้ Snap

โดยส่วนตัวเราเห็นหนังเรื่องนี้คือส่วนผสมของ แต่เพียงผู้เดียว และ ตั้งวง จะโดยตั้งใจหรือไม่เราไม่รู้ แต่มันคือความลงตัวอย่างที่วิเศษสำหรับเราด้วยการเอาเรื่องของความทรงจำและการเมืองมาสอดแทรกและแวดล้อมเข้ากับหนังรักได้อย่างลงตัว

ความทรงจำในเรื่องรัก:

สิ่งที่ทำให้เราชอบ แต่เพียงผู้เดียว มากๆคือการที่มันพูดถึงเศษเสี้ยวของอดิตอันแตกสลายที่ส่งผลต่อปัจจุบันของปัจเจคบุคคล ความทรงจำที่ผ่านเข้ามาในรูปของห้วงคำนึงหรือบนพื้นของวัตถุเหล่านั้นที่ส่งผลต่อบรรดาผู้คนในอีกช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งนี่แหละคือสิ่งที่ Snap ใช้ จะว่าไปการพูดถึง “ความทรงจำในเรื่องรัก” มันไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ความพิเศษของ Snap คือการที่มันทำให้เรามองเห็นส่วนที่มันหายไป ความทรงจำที่ขาดหายไปในหนังเรื่องนี้คือหัวใจหลัก ทั้งในรูปของการหายไปตามการเวลาหรือการหายไปเพราะไม่สลักสำคัญให้จดจำ การได้มาพบกันอีกครั้งของตัวละครเพื่อการค่อยๆเดินหาควาททรงจำร่วมกันเหล่านั้นมันจึงสวยงาม แต่ก็เจ็บปวดเหลือเกินเมื่อเรามองเห็นผลท้ายที่สุดของมันแล้ว

การเมืองเรื่องความรัก:

ไม่แปลกอะไรที่เราจะได้เห็นการแนบเคียงการเมืองไทยสมัยใหม่ในหนังของคงเดช หลายๆเหตุการณ์การเมืองไทยคือช่วงเวลาที่ตัวละครของคงเดชในชีวิตอยู่ บ้างส่งผลโดยตรงและบ้างส่งผลทางอ้อม ใน Snap เราพบว่ามันเป็นแบบแรก มันคือการเมืองที่ส่งผลกระทบโดยตรงที่ส่งผลต่อชีวิตและความรักอันให้ภาพที่ชัดเจนที่ว่าเราไม่สามารถหนีเรื่องการเมืองไปได้พ้นหรอก เพราะมันอยู่ในทุกเรื่องนั้นแหละ

แล้วเมื่อมองในมุมนี้ เราจึงอาจเล่าเรื่องของหนังใหม่ไปอีกแบบได้ ดังนี้ (***สปอร์ยนะ***)

เรื่องราวของผู้มีอำนาจกับผู้ไร้อำนาจที่กำลังรักกัน พวกเขาเฝ้าฟูมฝักเลี้ยงปลาประชาธิปไตย หน้าตาประหลาดที่พวกเขาให้ชื่อมันว่าปลาหน้าตุ๊กแก แต่แล้วการรัฐประหารก็ได้แยกพวกเขาออกจากกัน ผู้มีอำนาจกลายไปเป็นสลิ่มในเมืองที่มีแฟนเป็นทหาร ส่วนอีกคนเข้าเมืองทำงานปากกัดตีนถีบที่แทบไม่มีโอกาสกลับบ้านเกิด ห้วงเวลา 8 ปีตังแต่เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งรูปของตัวเองเพื่อบันทึกประวัติศาสตร์ความรักของพวกเขา ไม่ซิ! จริงๆก็มีแต่มันอยู่ในรูปของเส้นประที่เหมือนจะมีตัวตนอยู่แต่ไม่สามารถแน่ใจได้ในรูปลักษณ์หน้าตา ยิ่งความรักของพวกเขา(ที่เคยเกิดขึ้น)ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ส่วนเจ้าปลาประชาธิปไตยหน้าตุ๊กแกได้กลายเป็นของหายาก เลยถูกนำไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ของรัฐ 8ปีผ่านไป พวกเขาจำเจ้าปลาปลาประชาธิปไตยที่พวกเขาเคยเลี้ยงไม่ได้แล้ว พวกเขาคิดว่าปลายทะเลสีสวยในอควอเรี่ยมนั้นคือปลาประชาธิปไตยหน้าตุ๊กแกที่พวกเขาเคยฟูมฟักเลี้ยงดูมาด้วยกัน ปลาทะเลที่ภายนอกดูสวยงามแต่ไม่อาจทานทนกับสภาพน้ำแย่ๆได้ และการพบกันของเขาและเธอในครั้งใหม่ก็ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้ว เรายังอาจจะรักกันอยู่ แต่เราจำไม่ค่อยได้เท่าไหร่แล้ว มันเหมือนมีเส้นแบ่งกันระหว่างเราอยู่ รูปคู่ของเราที่ถ่ายคู่กับปลาประชาธิปไตยจอมปลอมไม่เคยมีใครเคยเห็น เหมือนความรักของเราที่ไม่มีใครเคยเห็น เรารู้สึกเจ็บในเรื่องที่เราจำไม่ได้ เรารู้สึกว่า “8 ปีแล้ว ทำไมมันไม่ได้มีอะไรดีขึ้นเลยว่ะ!”

แล้วสุดท้ายที่ฉากจบของหนัง ก็ได้นำพาเราคนดูไปสู่การประสานกันระหว่างความทรงจำและการเมือง ไปพบกับจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง อันเป็นฉากที่เศร้าสร้อยและเจ็บปวดยิ่ง

5/5

ปล. ด้วยความที่หนังเซ๊ตขึ้นในยุคสมัยใกล้ๆช่วงชีวิตของเรา เราจึงรู้สึกกับสิ่งที่มันบ่งบอกยุคสมัยนั้นมากๆ ไม่ว่าจะเรื่องของเพลง หนังสือรุ่น ความสัมพันธ์แบบสมัยนั้น กล้องฟิล์มและกับการบันทึกห้วงการเมืองไทยช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

ปลล. เห็นว่ารอบในเวิร์ลฟิล์มวันพุธนี้เต็มแล้ว แต่หนังจะเข้าฉายในโรงปกติช่วงปลายปี ไม่อยากให้พลาดกันจริงๆ

Leave a comment