14/01/13 – Amour (Michael Haneke/ France, Germany, Austria/ 2012)
หนังเรื่องล่าของเสร็จพ่อฮาเนเก้ที่ไปคว้าปาร์มทองและลูกโลกทองคำปีล่าสุดมาได้ และคงต้องคว้าหนังต่างประเทศของออสการ์มานอนกอดอยู่แล้ว ในฐานะที่ติดตามงานของเสร็จพ่อมาหลายๆเรื่อง(แต่ก็ยังดูไม่ครบเสียที T_T)เราพบว่าหนังเรื่องนี้ค่อนข้างแตกต่างจากหนังเรื่องก่อนๆของเขาที่เพิ่มเลเวลความละเมียดละไมให้มากขึ้นแต่ยังคงดูจริงและเจ็บปวดร้าวราน หนังพาเราเข้าไปพบกับความรักหลากหลายด้านและตั้งคำถามถึง Eternity Love ว่ามันมีจริงหรือไหม? ด้วยการพาผู้ชมเข้าไปตามติดคู่รักวัยดึกที่ฝ่ายหนึ่งกำลังจะตายจาก อันเป็นบทพิสูจน์กับคำถามที่ว่านั่น ความเจ็บปวดประการแรกคือการที่เราได้พบว่ารักแท้ของทั้งคู่มันเสือกอยู่คนละมุมฝั่งที่เข้าใกล้กับเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องเมื่อนั้นตราบจนความอดทนจะหมดลง ซึ่งดันเป็นการหมดลงด้วยความรักด้วยซิ
อีกสิ่งหนึ่งที่หนังตั้งคำถามกับผู้ชมคือความรักมันเป็นเรื่องของใครบ้าง? มันเป็นเรื่องของคนสองคน? หรือจริงๆแล้วเป็นเรื่องปัจเจกส่วนบุคคลกันแน่? ฉากที่ดีมากๆคือฉากที่ตัวพ่อบอกกับลูกสาวประมาณว่า “เธอจะมายุ่งอะไรกับชีวิตเราทั้งสอง ในเมื่อเธอก็โตขึ้นและออกไปใช้ชีวิตของตัวเองแล้วและแทบไม่เคยกลับมาพบเจอกัน” ตัวลูกสาวนั้นคือภาพแทนของคนชั้นกลางที่พยายามจะใช้สิทธิ์ตามความเชื่อของชนชั้นที่ได้รับ (ที่เชื่อว่าเป็นสิ่งดีและควรทำ) แต่คำถามคือเรามีสิทธิ์นั้นจริงหรือในการเข้าไปข้องเกี่ยวกับความรักระหว่างคนสองคน มันเลยกลายเป็นความรักที่มาเป็นตัวสะดุดให้กับอีกหนึ่งความรักและยิ่งเมื่อความรักมันอยู่คนละฝั่ง(ตามย่อหน้าแรกที่ว่าไป)ทุกอย่างมันก็ยิ่งลงเหวลึกและแตกร้าวเจ็บปวดเมื่อถึงฉากสุดท้าย
อนึ่ง หากเราลองมองย้อนกลับไปในหนังทั้งหมดของฮาเนเก้ เราพบความแตกต่าง 2 อย่างในเรื่องนี้กับหนังเรื่องก่อนๆนั่นคือ:
1. ความฝัน: นี่น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกของฮาเนเก้ที่ตัวละครมีความฝันจริงๆ (แม้จะยังคงเป็นฝันร้าย) ความฝันบอกเหตุที่นำไปต่อยอดอีกทีใจฉากเซอร์เรียลก่อนจบอันอาจเป็นภาพฝันของบทสรุป
2. อิสระภาพ: นกพิราบในเรื่องน่าจะเป็นตัวแทนที่ดี นี่น่าจะเป็นหนังเรื่องแรกที่เขามอบอิสระภาพให้แก่ตัวละคร แน่นอนอิสระภาพที่ว่านั้นก็คือความตาย (ปลดปล่อยพันธนาการทุกอย่าง) อันเป็นความตายในบริบทที่เรายังไม่เคยเห็นในหนังของเขา (บริบทในด้านสว่าง)
ในฉากสุดท้ายของหนังที่ทุกอย่างผ่านไปแล้ว หนังจงใจตั้งกล้องในตำแหน่งที่แปลกตาและต่างออกไปจากช่วงเวลาก่อนหน้าพร้อมใช้เลนส์ภาพกว้างที่ให้ความรู้สึกเว้งว้างเปล่าเปลี่ยวดั่งภาพฝัน อิสระภาพโบยบินออกไปนอกหน้าต่างแล้ว รอต้อนรับลูปความรักอันใหม่ที่จะมาในไม่ช้า
ปล. กราบตีนเอ็มมานูเอล ริว่า รัววววววววววว